วันที่ 25 มีนาคม 2567 เวลา 13.30 น. พันตำรวจเอกจิรประภาพ สุทธปรีดา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ ดำเนินงานประชาสัมพันธ์เชิงรุก พบปะประชาชนผู้มาติดต่อขอรับบริการ ณ จุดบริการ One Stop Service เพื่อสุ่มสอบถามการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์หรือพบเห็นพฤติกรรมการทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่ พร้อมทั้งได้เชิญชวนให้ประชาชนตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (EIT) และประชาสัมพันธ์การเข้าถึงช่องทางการตอบแบบวัด EIT แก่ผู้มาติดต่อขอรับบริการผ่านทางเว็บไซต์ของตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ประจำจุดให้บริการทุกนายประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำผู้มาติดต่อราชการเพื่อขอความร่วมมือในการตอบแบบวัด EIT อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งเบาะแส ช่องทางการร้องเรียน หากพบเห็นหรือสงสัยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ สามารถแจ้งข้อร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตามประกาศนโยบายต่อต้านการรับสินบน (Anti-Bribery Policy) และการไม่รับของขวัญของกำนัลหรือผลประโยชน์อื่นใดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy) เพื่อนำข้อมูลต่างๆ มายกระดับการให้บริการประชาชนของหน่วยงานในด้านคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยได้อย่างเหมาะสม และสามารถนำการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐไปเป็นกรอบในการพัฒนาและยกระดับการบริหารจัดการให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพในการให้บริการและการอำนวยความสะดวกต่อประชาชนให้เข้าถึงการบริการด้วยความเป็นธรรมผ่านการปฏิบัติงานอย่างมีมาตรฐานของหน่วยงานต่อไป
วันที่ 21 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.จิรประภาพ สุทธปรีดา ผกก.ตม.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.หญิง ชัญญา พรหมวารี รอง ผกก ตม.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.หญิงมณีพร บุญเลี้ยง สว.ตม.จว.ศรีสะเกษ จัดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ศรีสะเกษ ร่วมชุดตรวจบูรณาการฯป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ในสถานประกอบกิจการจังหวัดศรีสะเกษ ตามคำสั่งจังหวัดศรีสะเกษที่ 4522/2563 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 ได้ร่วมกันออกตรวจบูรณาการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในสถานประกอบกิจการกลุ่มเสี่ยงต่อการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยสุ่มตรวจสถานประกอบการในพื้นที่อำเภอเมืองศรีสะเกษ ราย บริษัท คิงส์คอนกรีต อินดัสทรี จำกัด ประกอบกิจการ ผลิตและจำหน่ายคอนกรีตผสมเสร็จ ที่ตั้ง 68 หมู่ 8 ต. หมากเขียบ อ. เมืองศรีสะเกษ จ. ศรีสะเกษ เป็นลูกจ้างคนไทย 12 คน ลูกจ้างชาวกัมพูชา จำนวน 4 ราย
ผลการตรวจไม่พบการใช้ แรงงานบังคับ แรงงานเด็ก และการกระทำผิดที่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน แต่พบชาวต่างชาติสัญชาติกัมพูชา จำนวน 4 คน ได้แก่ 1) MR.CHHIT CHANDTY อายุ 29 ปี 2) MR. LEAP KONG
อายุ 58 ปี 3) MR. MOEURT NOEURT อายุ 30 ปี และ MISS.NOEURT KARAT อายุ 28 ปี การกระทำความผิดตาม พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ ทราบว่า
1. เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่จะทำได้ และความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 81
2. เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” (จำนวน 61 วัน) จึงควบคุมตัว ชาวต่างชาติสัญชาติกัมพูชา จำนวน 4 คน มาจัดทำบันทึกการจับกุม และนำตัวนำส่งสถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษดำเนินคดี
วันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.จิรประภาพ สุทธปรีดา ผกก.ตม.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.หญิง ชัญญา พรหมวารี รอง ผกก ตม.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.หญิงมณีพร บุญเลี้ยง สว.ตม.จว.ศรีสะเกษ จัดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ศรีสะเกษ ร่วมชุดตรวจบูรณาการฯป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในสถานประกอบกิจการจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งชุดตรวจบูรณาการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในสถานประกอบกิจการจังหวัดศรีสะเกษ ประกอบด้วย ผู้แทน กอ.รมน.จว.ศรีสะเกษ,ผู้แทนแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ,ผู้แทนฝ่ายปกครอง อ.เมืองศรีสะเกษ,ผู้แทนสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ,ผู้แทนจัดหางานจังหวัดศรีสะเกษ, ผู้แทนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ,ผู้แทน ภ.จว.ศรีสะเกษ, รวมทั้งสิ้น 7 หน่วยงานโดยได้บูรณาการกำลังเข้าตรวจสอบสถานประกอบกิจการ ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จว. ศรีสะเกษ
ผลการตรวจสอบสถานประกอบการ จำนวน 3 แห่ง ดังนี้
1.ฟาร์มเลี้ยงไก่ สมคิดจันทร์มณีเลิศฟาร์ม ที่ตั้ง 132 ม.5 ต.ภูเงิน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว 2 คน แรงงานไทย 2 คน
2. บริษัท เฮง ปัง วูด อินดัสทรี จำกัด ที่ตั้ง 132 ม.5 ต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ 24 คน จีน 1 คน และแรงงานไทย 35 คน
3. ท็อปส์ช็อบ ฟู้ด จำกัด ที่ตั้ง 667/36-41 ม.7 ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ มีแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ 4 คน และแรงงานไทย 7 คน
ผลการปฏิบัติ ไม่พบการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย, ไม่พบปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน, ไม่พบการใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมายและแรงงานบังคับแต่อย่างใด ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ให้คำแนะนำผู้ประกอบการ นายจ้าง ลูกจ้าง ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน, พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561, กฎหมายประกันสังคม, การแจ้งเข้าพักอาศัยของคนต่างด้าวภายใน 24 ชม., แนะนำการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522, การห้ามใช้แรงงานคนต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย,ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต,การตรวจสุขภาพประจำปี, การป้องกันอุบัติเหตุจากการทำงาน, การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ, การแนะนำนายจ้างในการพัฒนาฝีมือให้กับแรงงานในสถานประกอบการ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ
วันที่ 8 มีนาคม 2567 เวลา 13.30 น. ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ ได้ดำเนินการประชุมติดตามความคืบหน้าการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ของหน่วยงาน ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยพันตำรวจเอกจิรประภาพ สุทธปรีดา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานการประชุม ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนการรายงานข้อมูลการดำเนินการจัดทำข้อมูลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ของหน่วยงาน และวิเคราะห์ประเมินผลการดำเนินงานและเสนอแนะการปฏิบัติในการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อเสนอและรายงานข้อมูลลงในระบบ ITAP ทั้ง 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1) การเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data Integrity and Transparency Assessment: OIT)
- เป้าหมายผลการดำเนินงานโดยรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 70
ผลการดำเนินการ 70% ตามเป้าหมาย
2) แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (Internal Integrity and Transparency Assessment: IIT)
- เป้าหมายผลการดำเนินงานโดยรวมแล้วเสร็จ 100%
3) แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (External Integrity and Transparency Assessment: EIT)
- เป้าหมายผลการดำเนินงานโดยรวม 300 คน จากเป้าหมาย 500 คน
ผลการดำเนินการ 600 คน คิดเป็น 120%